ทรูฟ้องเพิกถอนประกาศเรียงช่อง, ผลการประชุมกลุ่มย่อย เพื่อกำหนดคำนิยามประเภทรายการตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 (ภาคผนวก ค), ผลการรับฟังความเห็นและรายงานผลความคืบหน้าการคำนวณอัตราค่าตอบแทนการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบ, ข้อเสนอวิธีการคำนวณสัดส่วนการเข้าถึงโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล(รวมถึงผ่านแพลตฟอร์ม เคเบิ้ล และดาวเทียม(Must Carry)) และการแจกแจงรายได้ระหว่างบริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบแอนะล็อกและระบบดิจิตอล, การพิจารณาให้ระงับการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เอาเปรียบผู้บริโภค

จับตาวาระ กสท. เตรียมถก! ทรู ฟ้องเพิกถอนประกาศเรียงช่อง

การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) ครั้งที่ 39/2558 วันจันทร์ที่ 23 พ.ย. นี้ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า มีวาระการประชุมน่าจับตา ได้แก่ ผลการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ของผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์และการดำเนินการของผู้ให้บริการโทรทัศน์ หลังทำหนังสือแจ้งกำชับให้ผู้ให้บริการโครงข่ายงดการนำช่องรายการดังกล่าวเผยแพร่ซ้ำนอกเหนือจากหมวดหมู่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป(Must Carry) และข้อโต้แย้งมติ กสท. ที่กำหนดให้ผู้รับอนุญาตจัดลำดับบริการโทรทัศน์ ปรับปรุงโฆษณาและการบริการธุรกิจให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต รวมทั้งการเตรียมไปให้ถ้อยคำต่อศาลปกครองในการไต่สวนคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา ของคดีปกครองทั้ง 4 คดี ของ 4 บริษัทได้แก่ บ.ทรู โฟร์ยู สเตชั่น จำกัด บ.ไทยนิวส์เน็ตเวิร์ค(ทีเอ็นเอ็น) จำกัด บ.ทรูวิชั่นส์เคเบิล จำกัด(มหาชน)  และบ. ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ฟ้อง กสทช. สำนักงาน กสทช. และ ลสทช. ว่า หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ หรือประกาศจัดเรียงช่องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหากมีผลบังคับใช้หลังวันที่ 1 ธ.ค.นี้ จะส่งผลให้ บ.ได้รับความเสียหายและผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามประกาศจัดช่อง และการใช้อำนาจตามประกาศจัดช่อง และให้ บ.มีสิทธิดำเนินการประกอบกิจการได้ตามเดิม โดยศาลปกครองได้นัดให้ กสทช. สำนักงาน กสทช. และ ลสทช. ไปให้ถ้อยคำต่อศาล ซึ่งสำนักงานจะขอเลื่อนการไต่สวนคำขอคุ้มครองชั่วคราวจากวันที่ 25 และ 26 พ.ย. 58 ไปเป็นวันที่ 2 และ 3 ธ.ค. นี้ ซึ่งผลเป็นอย่างไรชวนจับตา

 “ส่วนตัวคาดการณ์อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องถูกผู้ประกอบการดาวเทียมฟ้องร้อง เพราะมีท่าทีคัดค้านมาตั้งแต่แรก  แต่ กสทช. เดินหน้าผลักดันนี้เพื่อต้องการแก้ปัญหาความสับสนของผู้บริโภค ทั้งเพื่อให้เลขช่องของทีวีทุกกล่องเรียงตรงกัน มีมาตรฐานเดียวของประเทศ และ ป้องกันการนำเลขช่อง 1-10 ไปสร้างมูลค่าเพิ่มหรือหาประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะขัดกฎกติกาด้วย  จริงๆการเรียงเลขช่องฟรีทีวีตรงกัน ดีกับทุกฝ่าย เพราะ หลังจากช่อง 36 ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม และ เคเบิล จะได้แข่งขันกันที่ความแตกต่างของเนื้อหาในกิจการเพย์ทีวี ที่เสริมจากกิจการฟรีทีวี ทีเป็นบริการพื้นฐานให้ประชาชนตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ทาง กสทช. ก็ต้องเตรียมตัวสู้คดีนี้เต็มที่  ฝากให้คนดูและผู้บริโภคช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วย เพราะคดีนี้ใหญ่ไม่แพ้คดีก่อนนี้และคงต้องลุ้นกันพอควร” สุภิญญา กล่าว

ส่วนวาระอื่นๆ ได้แก่ วาระผลการประชุมกลุ่มย่อย เพื่อกำหนดคำนิยามประเภทรายการตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 (ภาคผนวก ค) วาระผลการรับฟังความเห็นและรายงานผลความคืบหน้าการคำนวณอัตราค่าตอบแทนการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบ และวาระค้างการพิจารณา ข้อเสนอวิธีการคำนวณสัดส่วนการเข้าถึงโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล(รวมถึงผ่านแพลตฟอร์ม เคเบิ้ล และดาวเทียม(Must Carry)) และการแจกแจงรายได้ระหว่างบริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบแอนะล็อกและระบบดิจิตอล  วาระการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้แก่ การพิจารณาให้ระงับการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าที่เอาเปรียบผู้บริโภค ติดตามผลการประชุมทั้งหมดในวันจันทร์นี้…